ธุรกิจยอชต์-มารีน่าอันดามันคึก ขยายลงทุนรับ‘ไทยฮับเอเชีย’ | ATTA

ACTIVITY OF MONTH














ATTA > Tourism News > ธุรกิจยอชต์-มารีน่าอันดามันคึก ขยายลงทุนรับ‘ไทยฮับเอเชีย’

ธุรกิจยอชต์-มารีน่าอันดามันคึก ขยายลงทุนรับ‘ไทยฮับเอเชีย’

app10839475_s-696x380

ปเปอร์ยอร์ช-มารีน่า-อู่ต่อเรือ ภูเก็ตเดินหน้าขยายลงทุนคึกคัก รับลูกรัฐบาลดันไทยเป็นฮับมารีน่าของเอเซีย ” อิตาเลียนไทย” จ่อขยายอ่าปอ มารีน่า รับเมกะยอร์ช หลังทุ่มงบ 700 ล้านบาท เปิดโรงแรม-คอนโดหรูบริการครบวงจร ส่วนตระกูล ณ นคร เตรียมเปิดท่าเรือแห่งที่ 3 กระบี่เดือนพ.ค.นี้ด้วยงบ 400 ล้านบาท ด้านโบเกอร์ยอร์ชโลกสบช่องเปิดตลาดเช่าเหมาในไทย “กอบกาญจน์” คาด 3ปี สะพัด 1.4 หมื่นล้าน ส่วนกรมเจ้าท่า เปิดทางเอกชนลงทุนมารีน่าเพิ่มอีก 8 พื้นที่ฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน พร้อมดึงบีโอไอหนุน

นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าขณะนี้เอกชนในธุรกิจด้านเรือยอช์ทและมารีน่า ต่างมองเห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลในการปรับปรุงกฏหมายและการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนามารีน่าเพิ่มเติม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง สำหรับเรือยอช์ทโดยเฉพาะล่าสุดที่เปิดโอกาสให้เรือซุปเปอร์ยอช์ทจากต่างประเทศเข้ามาทำการค้าในน่านน้ำไทยได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีเรือซุปเปอร์ยอช์ทเข้ามาเทียบท่าเพิ่มมากขึ้น และใช้เวลาในการพำนักในประเทศไทยนานขึ้น ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภูเก็ต ที่เป็นจุดศูนย์กลางในธุรกิจเรือยอช์ทของไทย

การส่งเสริมให้เรือซุปเปอร์ยอช์ทเข้าไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้ประกอบการสนใจอยากจะทำธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับการให้บริการซุปเปอร์ยอช์ทโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นอู่ต่อเรือ การผลิตอุปกรณ์พิเศษและการนำเข้าอุปกรณ์เรือที่ต้องทำพิเศษ สำหรับเรือขนาดใหญ่นี้ หรือแม้แต่การขยายการลงทุนมารีน่า ที่ก็ต้องเพิ่มขึ้น เพราะมารีน่าต่าง ๆ ในภูเก็ตที่มีอยู่ก็รองรับจนเต็มศักยภาพแล้ว และแม้แต่ของอ่าวปอ มารีน่าเอง ที่เพิ่งลงทุนไป 35 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่รองรับเรือซุปเปอร์ยอช์ทขนาดไม่เกิน 200ฟุต(60 เมตร) จำนวน 20 ลำซึ่งก็เต็มก่อนเปิดให้บริการ ส่งผลให้ปัจจุบันอ่าวปอ มารีน่า มีพื้นที่จอดเรือ 260 ลำจากเดิมที่รองรับอยู่ 240 ลำเฉลี่ยรองรับเรืออยู่ที่ขนาด 100 ฟุต(30 เมตร)

นายเปรมชัย ยังกลาวอีกว่า “ยังมีเรือยอช์ทขนาด 360 ฟุต (109 เมตร)ที่เรียกว่าเมกกะยอช์ทก็แสดงความสนใจอยากจะเข้ามาเทียบท่าในไทย แต่สิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่สามารถรองรับได้ จึงมีแผนที่จะมองขออนุญาตสร้างที่จอดเรือในน้ำเพื่อรองรับเรือเมกะยอช์ท จำนวน 3 ลำ ที่ต้องมีการศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและถ้าได้รับการอนุญาตก็พร้อมจะลงทุนได้ รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา อ่าวปอ มารีน่า ได้ลงทุนราว 700 ล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมขนาด 27 ห้อง และคอนโดมิเนียมขนาด 22 ห้อง ภายใต้ชื่ออ่าวปอ เรสซิเด้นท์ ที่จะเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้ เพื่อรองรับความต้องการของคนที่เข้ามาเล่นเรือที่เดินทางมาเป็นครอบครัว โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมขายในราคา 2 แสนบาทต่อตารางเมตร และมีลูกค้าจองซื้อแล้วกว่า 50%”

ขณะเดียวกันก็ยังมองโอกาสที่จะขยายการลงทุนมารีน่า ที่มีศักยภาพในการรองรับเมกกะยอช์ทขนาด 360 ฟุตได้ ซึ่งเป็นต้องเป็นพื้นที่มีล่องน้ำลึก 8 เมตร โดยเห็นว่ามี 3-4 พื้นที่ ซึ่งเป็นที่ดินของเอกชนสามารถพัฒนามารีน่าได้ ถ้ามีโอกาสก็พร้อมเข้าไปลงทุน ซึ่งการลงทุนมารีน่า เป็นการลงทุนที่สูง กำไรไม่มาก เพราะมีรายได้จากค่าเช่า ขายน้ำ ขายไฟ ให้บริการด้านความปลอดภัย แต่ที่ลงทุน เพราะเป็นความชอบมากกว่า และธุรกิจนี้ให้ประโยชน์ประเทศมากกว่า เพราะเป็นการสร้างงานและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและสร้างรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและการท่องเที่ยว นายเปรมชัยกล่าว

ด้านนายแมทธิวพลวัต ณ นคร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด พอร์ต ทาโกลา ยอช์ท มารีน่า แอนด์โบ๊ดยาร์ด จัวหวัดกระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังลงทุนสร้างมารีน่า ในจังหวัดกระบี่ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจเรือยอช์ทและจะเป็นมารีน่าแห่งที่ 3 ที่เกิดขึ้นในกระบี่ โดยโครงการนี้ลงทุนราว 480 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) แบ่งการลงทุน เป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 ลงทุนราว 200 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างที่จอดเรือในน้ำ 50 ลำ และที่จอดเรือบนบก 50 ลำ จะเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ สามารถรองรับเรือซุปเปอร์ยอช์ท ขนาด 30 เมตรขึ้นไปได้ด้วยส่วนระยะที่ 2 จะลงทุนใน 3 ปีจากนี้ เพื่อเพิ่มที่จอดเรือในน้ำจาก 50 ลำเป็น 260 ลำ และที่จอดเรือบนบกเพิ่มเป็นอีก 100 ลำ ภายในโครงการมีโรงซ่อมบำรุง และธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้คนมาเช่าดำเนินการ

“แนวโน้มการเติบโตของเรือยอช์ทในกระบี่มีการเติบโตที่ดี จากจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นเกาะต่างๆอาทิ เกาะห้อง เกาะลันตา ประกอบกับการเปิดเที่ยวบินตรงจากสิงคโปร์ ฮ่องกง และเซี้ยงไฮ้ที่เข้ากระบี่อย่างต่อเนื่องทำให้กลุ่มต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงจากประเทศเหล่านี้ก็ต้องการที่จอดเรือและเมื่อบินมาก็สามารถนำเรือไปแล่นได้ หรือหากเป็นซุปเปอร์ยอช์ท (เรือขนาด 30 เมตรขึ้นไป)ก็สามารถปล่อยเช่าได้” นายแมทธิว กล่าว

ส่วนนายมาร์คัส โอเวอร์แมน ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ลี มารีน จำกัด(ตัวแทนขายเรือยอช์ท 6 แบรนด์จากอิตาลีและออสเตรเลีย) กล่าวว่าจากการที่รัฐบาลไทยสนับสนุนให้ซุปเปอร์ยอช์ทของต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในน่านน้ำไทยได้ ปีนี้บริษัทจึงได้เปิดธุรกิจเช่าเหมาลำเรือ ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเริ่มต้นในปีนี้จะนำเรือซุปเปอร์ยอช์ท มาให้บริการเช่าเหมาลำอยู่ที่ 3-4 ลำ ที่จะเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ให้เกิดขึ้นในไทย โดยคนท้องถิ่นจะได้ประโยชน์ขณะเดียวกันบริษัทก็มีโปรดักซ์ในการเสนอขายลูกค้าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการขายเรือยอช์ทเป็นหลัก ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีการเติบโตอยู่ที่ราว 10% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 ลำต่อปี และกว่า 80% เป็นเรือมือสองอีก 20 % เป็นเรือใหม่ ลูกค้ากว่า 80% จะเป็นชาวต่างชาติ และคนต่างชาติที่ทำงานในไทย และคนไทยอยู่ที่ราว 20% โดยราคาขายจะอยู่ตั้งแต่ 3 ล้านบาทไปจนถึง 50 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (1,750 ล้านบาท) ขึ้นกับขนาดของเรือ

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าการที่รัฐบาลได้สนับสนุนการจัดงานมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า-ไทยแลนด์ ยอร์ช โชว์ 2016 เมื่อวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งถือเป็นการจัดงานครั้งแรกในไทย เพราะต้องการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของเรือยอช์ท เพราะธุรกิจนี้ทำรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าประเทศ ซึ่งปีนี้มีเรือทั้งหมดมาร่วมงานกว่า 50 ลำ และรัฐบาลก็จะสนับสนุนให้มีเรือยอช์ทและซุปเปอร์ยอช์ทเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น เพราะทางผู้จัดงาน(บริษัททีแอล อีเวนท์ส (ไทยแลนด์)จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ ประเมินว่าโดยเฉลี่ยเรือซุปเปอร์ต่อ 1 ยอช์ท 1 ลำ มีการใช้จ่ายอยู่ที่ 1-2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ(35-70 ล้านบาท)ต่อทริป ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างบุคลากร คนทำความสะอาด ดูแลเรือ การจัดดอกไม้ อาหาร ที่ล้วนเป็นลูกโซ่ที่ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ดังนั้นหากในช่วง 3 ปีนี้หวังว่าจะผลักดันเรือยอช์ทเข้ามา100-200 ลำ ก็จะสร้างรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่ประเทศได้ถึง 200-400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (7 พันล้านบาท-1.4 หมื่นล้านบาท) และทำให้ภูเก็ตมีภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดีสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ

นายสเตฟาน อิ้ง เจ้าของบริษัทตัวแทนซุปเปอร์ยอร์ชซาลูซี่ (ซุปเปอร์ยอช์ทขนาด 69 เมตร) เผยว่า ในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ทาง BURGESS(โบรเกอร์ขายเรือยอช์ทและยอร์ชชาร์เตอร์)ได้นำเรือซุปเปอร์ยอช์ทเข้ามาเปิดตลาดในไทย ภายในงานนี้ เนื่องจากไทยเปิดให้ซุปเปอร์ยอช์ทของต่างชาติเข้ามาทำการค้าในน่านน้ำไทยได้ ประกอบกับเป็นการนำเสนอโปรดักซ์ใหม่มาให้บริการ เพิ่มเติมจากเดิมที่ให้บริการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และคาริบเบียนมานาน โดยเรือซุปเปอร์ยอช์ทซาลูซี่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 32 คน มี 16 ห้องนอน ขายบริหารเช่าเหมาลำอยู่ที่ 4.8 แสนดอลล่าร์สหรัฐต่อ 1 สัปดาห์ (16.8 ล้านบาท) รวมค่าเช่าค่าบริกร ไม่รวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า การที่กรมเจ้าท่าและกระทรวงคมนาคมส่งเสริมธุรกิจซุปเปอร์ยอช์ทต่างชาติให้ทำการค้าในน่านน้ำไทยได้เป็นเวลา 1 ปี เพราะจะไม่กระทบต่อผู้ประกอบไทย เพราะคนไทยไม่มีซุปเปอร์ยอช์ท และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศได้มาก ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นฮับมารีน่า ของอาเซียน โดยจะสนับสนุนให้เอกชนลงทุนมารีน่าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของเรือยอช์ท ซึ่งในขณะนี้กรมเจ้าท่าได้ศึกษาพื้นที่ศักยภาพพบว่ามี 8 แห่งที่มีศักยภาพในการลงทุนมารีน่าเพื่อสนับสนุนให้เอกชนเข้ามาลงทุนทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ได้แก่ภูเก็ต 2 แห่ง พังงา 2 แห่ง เกาะสมุย 2 แห่ง จ.ชลบุรี 1 แห่ง ตราด 1 แห่ง

รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้เอกชนลงทุนมารีน่า โดยกรมเจ้าท่าจะนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ทบทวนการให้สิทธิประโยชน์หลักคือได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี ซึ่งเสนอให้เลื่อนขั้นการส่งเสริมการลงทุนพัฒนามารีน่าจากระดับ B1 เป็นA3 รวมถึงอยู่ระหว่างการนำเสนอและผลักดันให้มีการออกพระราชกฤษฏีกาเพื่อยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มการนำเข้าเรือสำราญและกีฬาขนาดใหญ่(ซุปเปอร์ยอช์ท) การอนุญาตให้คนประจำเรือซึ่งเป็นชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ 1 ปี

ที่มา:หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  วันที่ 14 – 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Comments

comments