“อาเซียน” เคาะยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว ตั้งเป้าเพิ่มรายได้15%-ททท.ชูเที่ยวเมืองไทย5ภาค
10 ชาติอาเซียนประสานเสียง! วางเป้าร่วมแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวปี”68 ดันรายได้ท่องเที่ยวพุ่ง ครองสัดส่วน 15% ของจีดีพีทุกประเทศ ลุยโปรโมต “วิสิท อาเซียน เยียร์ 2017” ครบรอบ 50 ปีก่อตั้งอาเซียน พาเหรด 600 สินค้าท่องเที่ยว 12 หมวด อวดสายตาทัวริสต์ทั่วโลก ด้าน “ททท.” งัดกลยุทธ์ฮาร์ดเซลล์ จัดคอนซูเมอร์แฟร์ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” 5 ภาค ดึงกำลังซื้อเศรษฐีอาเซียนแท็กทีมกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทย
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวของชาติสมาชิก 10 ประเทศ ในงานอาเซียน ทัวริสซึ่ม ฟอรั่ม (เอทีเอฟ) 2016 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้วางเป้าหมายยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียนร่วมกันเป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2568 ให้ทุกประเทศมีสัดส่วนรายได้ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เป็น 15% ของจีดีพีในปี 2568 หนุนการจ้างแรงงานในภูมิภาคเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 4% เป็น 7% ของการจ้างแรงงานรวมในแต่ละประเทศ และสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่อทริปจากเฉลี่ย 3.24 หมื่นบาท เป็น 5.4 หมื่นบาท กับเพิ่มวันพำนักจากค่าเฉลี่ย 6.3 วัน เป็น 9 วัน
ทั้งนี้เพื่อพัฒนาภาคท่องเที่ยวของอาเซียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น การสร้างความยั่งยืนผ่านมาตรฐานท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเคลื่อนย้ายแรงงาน
“ที่ผ่านมาแต่ละประเทศต่างทำแผนท่องเที่ยวของตัวเอง และยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวอาเซียนเสียโอกาสในหลาย ๆ เรื่อง แต่เมื่อมีแผนยุทธศาสตร์เดียวกัน เชื่อว่าจะช่วยขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกประเทศได้ดียิ่งขึ้น”
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้มีมติจัดทำโครงการ “วิสิท อาเซียน เยียร์ 2017” ในโอกาสครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งอาเซียนในปี 2560 โดยได้เสนอแคมเปญ “อาเซียน แอท ฟิฟตี้ คัม เซเลเบรต วิธ อัส” ให้ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวพิจารณา ผ่านการระดมสินค้าท่องเที่ยวที่ดีที่สุด
ในกลุ่มอาเซียนกว่า 600 รายการแบ่งเป็น 12 หมวดหมู่ หมวดหมู่ละ 50 สินค้า เช่น หมวดเมืองท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ชายหาด ตลาด แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และเทศกาลงานรื่นเริง มาประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักอาเซียนมากยิ่งขึ้น เตรียมประชาสัมพันธ์ในงานท่องเที่ยวระดับโลก เช่น งานไอทีบี เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี, งานไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล มาร์ท ประเทศจีน และงานเวิลด์ ทัวริสซึ่ม เดย์ (ดับเบิลยูทีซีซี) ที่กรุงเทพฯ เป็นต้น
ขณะที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศอาเซียนถือเป็นตลาดหลักของท่องเที่ยวไทย คาดว่าปี 2559 ไทยจะมีรายได้จากกลุ่มตลาดนี้รวม 2.49 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีที่แล้ว จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวรวมเพิ่มขึ้นจาก 7 ล้านคนเป็น 8 ล้านคน โดยภายในงานเอทีเอฟ 2016 ททท.ได้จัดคูหาประเทศไทยร่วมงานส่งเสริมการขายครั้งนี้ด้วย มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวพบปะเจรจาซื้อขายที่คูหาของ ททท.จำนวน 15 ราย ส่วนผู้ประกอบการไทยที่มาออกบูทเองมีกว่า 50 ราย สะท้อนศักยภาพของตลาดอาเซียนได้ดี
แนวทางการทำตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียนปี 2559 ททท.จะมุ่งปรับโครงสร้างนักท่องเที่ยวไประดับบนมากขึ้น เช่น การดึงเศรษฐีจากกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มาซื้อสินค้าและแพ็กเกจเที่ยวข้ามภูมิภาค ในงานคอนซูเมอร์แฟร์ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” กระจายตาม 5 ภูมิภาค กระตุ้นกำลังซื้อด้านท่องเที่ยวของตลาดไทยเที่ยวไทยและขยายผลไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีโปรโมชั่นลุ้นเงินล้านตามโครงการ “เที่ยวช่วยไทย” เป็นตัวจูงใจให้คนมาซื้อแพ็กเกจในงานสำหรับการจัดงานใน 5 จังหวัด แนวคิดเบื้องต้นภาคเหนือ จัดที่จังหวัดเชียงราย หรือ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อดึงนักท่องเที่ยวฝั่งเมียนมามาซื้อแพ็กเกจทัวร์เพิ่ม, ภาคอีสาน จังหวัดอุดรธานี ดึงนักท่องเที่ยว สปป.ลาว, ภาคใต้ ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซีย, ภาคตะวันออก ที่จังหวัดตราด ดึงนักท่องเที่ยวกัมพูชา และภาคตะวันตกที่จังหวัดกาญจนบุรี ดึงนักท่องเที่ยวเมียนมา หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ บางจุดอาจจัด 2 ครั้ง
“ททท.เตรียมของบประมาณจากส่วนกลาง 500 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโปรโมตท่องเที่ยว อาทิ งบฯจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยใน 5 จังหวัด จังหวัดละ 20 ล้านบาท กับงบฯลงทุนท้องถิ่น ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ต้องการกระตุ้นการจับจ่ายด้านท่องเที่ยวสู่ระดับท้องถิ่นมากขึ้น”
ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์