“กอบกาญจน์”บูมท่องเที่ยวอาเซียน ขนทุนไทยบุกเมียนมา-กัมพูชา/แอร์เอเชียรุกลาว | ATTA

ACTIVITY OF MONTH














ATTA > Tourism News > “กอบกาญจน์”บูมท่องเที่ยวอาเซียน ขนทุนไทยบุกเมียนมา-กัมพูชา/แอร์เอเชียรุกลาว

“กอบกาญจน์”บูมท่องเที่ยวอาเซียน ขนทุนไทยบุกเมียนมา-กัมพูชา/แอร์เอเชียรุกลาว

ท่องเที่ยวอาเซียนบูม ! รัฐบาลหนุนแจ้งเกิดเมืองท่องเที่ยวใหม่ ๆ “รมว.กอบกาญจน์” เผย “เมียนมา-กัมพูชา” ถกจีบนักลงทุนไทยปักธงธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ “เมืองมะริด” พร้อมดึง “บางกอกแอร์เวย์ส” ลงทุนเปิดเที่ยวบินบูมท่องเที่ยวทางทะเล ขณะที่ “เสียมราฐ” หนุนเปิดโรงแรม 5-6 ดาวรับตลาดญี่ปุ่น หวังรองรับเทรนด์การท่องเที่ยวเชื่อมโยง “ไทย กัมพูชา-เวียดนาม”

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวของหลายประเทศในอาเซียนขยายตัวอย่างมาก โดยที่ผ่านมารัฐบาลของเมียนมากับกัมพูชามีแผนดึงนักลงทุนไทยเข้าไปดูศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในจุดหมายของทั้ง2ประเทศที่กำลังได้รับความนิยม โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เห็นว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนไทยในการออกไปลงทุนในประเทศอาเซียน เพื่อดักกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจเดินทางไปเมืองท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในอาเซียนมากขึ้น

เมียนมาบูม “ปูตาโอ-มะริด”

โดยประเทศเมียนมา เมืองท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจมี 2 เมือง ได้แก่ เมืองปูตาโอ ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นเมืองที่มีหิมะตกตลอดทั้งปี และมีลานสกีเล่นหิมะแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน เป็นจุดขายที่น่าจะโดนใจนักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้รวมถึงคนไทย ส่วนอีกเมืองคือ มะริด ในรัฐยะไข่ มีจุดขายด้านหาดทรายชายทะเลที่สวยงามมาก ที่เมืองมะริดยังไม่ค่อยมีใครไปลงทุน เขาต้องการนักลงทุนจากไทยมาก ทั้งธุรกิจสายการบินและโรงแรมให้ไปปักธงลงทุนที่นั่น และคาดหวังการถ่ายทอดความรู้ด้านฮอสพิทาลิตี้จากไทยด้วย

“โดยเฉพาะสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่ทางเมืองมะริดคาดหวังมากอยากให้เปิดเที่ยวบินและในช่วงปลายเดือนประมาณวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะพาเอกชนไทย 2-3 ราย รวมถึงบางกอกแอร์เวย์สเดินทางไปดูศักยภาพการลงทุนของเมืองมะริด”

“กัมพูชา” หนุนลงทุนโรงแรม

นอกเหนือจากเมืองท่องเที่ยวใหม่ในเมียนมาแล้ว รัฐบาลกัมพูชายังได้หารือกับตน อยากให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนโรงแรมระดับ 5-6 ดาวขนาดใหญ่ที่เมืองเสียมราฐ เพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพราะช่วงหลัง ๆ ภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาเจอปัญหาทุนจีนลงทุนผ่านนอมินี เข้าไปซื้อกิจการโรงแรมรองรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน ทำให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่รู้จะไปเข้าพักที่ไหน ทั้งนี้ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คาดว่าจะพาสมาคมด้านท่องเที่ยวของไทยเดินทางไปเสียมราฐ เพื่อดูศักยภาพภายในครึ่งแรกของปีนี้

“การหารือระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวหลัก ๆ ตอนนี้มี 2 ประเทศคือ เมียนมาและกัมพูชาที่อยากให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯของไทยก็เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้คนไทยไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่เน้นดึงนักลงทุนต่างชาติที่มาลงทุนท่องเที่ยวไทย เพราะตอนนี้ท่องเที่ยวอาเซียนขยายตัวสูงมาก รอไม่ได้”

เที่ยวเชื่อมโยงฮอต

นางกอบกาญจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มท่องเที่ยวเชื่อมโยงอย่างน้อย 2-3 ประเทศในอาเซียนมากขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ตามเส้นทางท่องเที่ยวทางทะเลจันทบุรี-ตราด-เกาะสีหนุวิลล์ (กัมพูชา)-เกาะฟูก๊วก (เวียดนาม) โดยเกาะฟูก๊วก ช่วงที่ผ่านมาโปรโมตหนักมาก หวังสู้กับภูเก็ตของบ้านเรา มีนักลงทุนไทยไปลงทุนรอไว้แล้ว เช่น เครือไมเนอร์และเซ็นทารา

แอร์เอเชียบิน “หลวงพระบาง”

ขณะที่สายการบินไทยแอร์เอเชียก็มีแผนรุกเปิดเส้นทางบินประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) เพื่อเป็นการต้อนรับการเปิดประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ โดยได้เปิดเส้นทางดอนเมือง (DMK) สู่หลวงพระบาง (LPQ) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า นับเป็นเส้นทางบินใหม่ นี้ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่เพื่อให้ทุกคนสามารถเดินทางเชื่อมระหว่างทั้ง 2 เมืองได้ในราคาประหยัด สมเหตุสมผล และไม่ต้องใช้เวลานาน

โดยปัจจุบันกลุ่มสายการบินแอร์เอเชียมีเส้นทางบินในอาเซียนมากที่สุด โดยไทยแอร์เอเชีย (เที่ยวบิน FD) บินเชื่อมประเทศไทยกับอาเซียน ใน 7 ประเทศ สู่ 12 ปลายทาง รวม 15 เส้นทาง

นอกจากนี้ ไทยแอร์เอเชียยังได้เปิดเส้นทางบินใหม่จากหาดใหญ่สู่เชียงราย และเมืองยะโฮร์ บาห์รู ประเทศมาเลเซีย ทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบินทั้ง 2 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไปอีกด้วย ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อเสริมเครือข่ายการบินให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Comments

comments