ผู้ตรวจฯ สั่งสนามบินดอนเมือง คุยลดราคาอาหาร หลังพบข้าวจานละ 200 ฝ่าฝืนมีโทษ
ผู้ตรวจฯ สำรวจของแพงสนามบินดอนเมือง พบราคาข้าวหน้าเป็ด-ข้าวมันไก่จานละ 150-200 บาท จี้ ทอท.หารือพ่อค้า-แม่ค้า ปรับลดเหลือจานละ 50 บาท เทียบราคาเท่าห้างสรรพสินค้าทั่วไป เริ่ม 10 เม.ย.นี้ มอบของขวัญปีใหม่ไทย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 22 มีนาคม ที่สำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ราคาสูงภายในสนามบินดอนเมือง พร้อมสำรวจราคาสินค้าบริเวณอาคารผู้โดยสารภายในประเทศบริเวณชั้น 3 อาคาร 1 ซึ่งอยู่ระหว่างทางเดินไป Gate เพื่อขึ้นเครื่อง บริเวณ Food court ชั้น 4 อาคาร 2 และบริเวณ Food court อาคารจอดรถ 7 ชั้น
โดย พล.อ.วิทวัส กล่าวภายหลังลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าภายในท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า การลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าของผู้ตรวจการแผ่นดินในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ตรวจฯ เห็นว่า ส่วนใหญ่ประชาชนในประเทศไทย จะเดินทางโดยสารการบินต้นทุนต่ำภายในประเทศจำนวนมาก และบางคนก็มีการซื้ออาหารเครื่องดื่มเพื่อรับประทานระหว่างรอขึ้นเครื่อง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าราคาค่าอาหารและเครื่องดื่มในสนามบินมีราคาที่สูงมาก ผู้ตรวจฯจึงหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากรมการค้าภายใน ก็ได้ประชุมหารือกับผู้บริหารทอท. เพื่อขอความร่วมมือในการปรับลดราคาอาหารและน้ำดื่มที่จำหน่ายภายในสนามบิน โดยขอให้ ทอท.ช่วยดูแลร้านค้าต่าง ๆ จำหน่ายสินค้าให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่มาใช้บริการมากที่สุด โดยได้มีการปรับลดราคาน้ำดื่มบรรจุขวดขนาด 500 ซีซี ไม่เกิน 10 บาท จากที่เคยขาย 35 บาทแล้ว
พล.อ.วิทวัส กล่าวต่อว่า เมื่อได้ลงพื้นที่สำรวจราคาอาหารแล้วก็พบว่าอาหารมีราคาค่อนข้างสูงกว่า 85-200 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับราคาปกติที่ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น ราคาข้าวหน้าเป็ด ข้าวมันไก่ และข้าวราดแกง อยู่ที่จานละ 150-200 บาท ถือเป็นราคาที่สูงมากเกินไป เราจึงได้ขอความร่วมมือกับ ทอท. ให้ไปประสานกับทางผู้ประกอบการร้านค้าภายในสนามบินดอนเมืองอาคาร 1 และอาคาร 2 ทั้งด้านนอกและด้านใน ให้จำหน่ายอาหารสำเร็จรูป เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง ข้าวหน้าเป็ด ให้เป็นราคาจำหน่ายเท่ากับร้านค้าติดแอร์ตามห้างสรรพสินค้าในเมืองตามปกติ ทั้งนี้ หากร้านค้าจะมีเมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยี่ห้อดัง จะมีสินค้าเกรดพรีเมี่ยม หรือมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังทรัพย์ที่พอใจที่จะบริโภคในราคาที่สูงก็ได้
“ขอให้ ทอท.ช่วยขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้าลง ให้กับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางกลับบ้านในวันที่ 10 เม.ย.นี้ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นต้นไป ตามที่ได้ตกลงร่วมกัน พร้อมทั้งให้กรมการค้าภายในดำเนินการติดตามการจำหน่ายสินค้าทุกสนามบิน หากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการโดยใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.อ.วิทวัส กล่าว
ด้านนายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ต่อจากนี้จะนำข้อเสนอที่ประชุมครั้งนี้รายงานต่อคณะกรรมการพิจารณารายได้ของ ทอท. รวมถึงผู้บริหารใหญ่ของ ทอท. เพื่อรับทราบและพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เบื้องต้นอาจจะต้องมีการทบทวนเรื่องสัญญาเช่าพื้นที่ในส่วนของราคา และ ทอท.จะเรียกประชุมหารือกับผู้ประกอบการ ร้านค้าในสนามบินดอนเมืองเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันและเป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป ส่วนราคาอาหารและเครื่องดื่มจะลดลงเท่าใด อย่างไรนั้นต้องรอผลการประชุมของบอร์ดบริหาร รวมถึงการพูดคุยกับร้านค้าด้วย สำหรับการดำเนินการเรื่องนี้กับสนามบินอื่นๆ ที่อยู่ในความดูแลของ ทอท. อาจจะต้องพิจารณาเป็นรายสนามบินไป เพราะแต่ละแห่งมีข้อจำกัด ปัจจัยแตกต่างกัน
นายเพ็ชรกล่าวว่า ภายในสนามบินดอนเมืองมีร้านอาหารที่มีราคาปกติเทียบเท่ากับร้านค้าทั่วไปอยู่ 2 จุด เป็นทางเลือกให้ประชาชนอีกทางด้วย อยู่บริเวณใกล้สำนักงานของท่าอาศยานดอนเมือง กับลานจอดรถชั้น 4 บริเวณอาคารผู้โดยสาร ซึ่งจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ ติดป้ายบอกทาง ให้ประชาชนรับทราบมากขึ้นว่ามีบริการด้วย
นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การปรับลดราคานี้ เป็นการขอความร่วมมือจากร้านค้า ซึ่งเป็นเรื่องพูดคุยกันได้ อย่างไรก็ตามในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค กรมมีพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เข้ามากำกับดูแล หากพบเห็นว่ามีการจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร เอารัดเอาเปรียบประชาชน แล้วพิสูจน์ได้ว่าจริง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา : มติชนออนไลน์
updated: 22 มี.ค. 2559 เวลา 17:20:31 น.