เข้ม 10 ข้อหาจราจร 8 เมืองท่องเที่ยวรับเออีซี ดีเดย์ 1 มี.ค
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยพล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. แถลงสรุปมาตรการที่จะใช้จัดระเบียบการจราจรในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป ในพื้นที่เป้าหมายได้แก่ พัทยา จ.ชลบุรี, เชียงใหม่, เชียงราย, เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, จ. ภูเก็ต, จ.สมุทรปราการ, จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ไทยได้ก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว และการท่องเที่ยวอยู่ในช่วงขาขึ้น จึงจำเป็นต้องหาทางให้รับการท่องเที่ยว ที่เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ต้องยกระดับกฎมาตรฐานกฎระเบียบต่างๆให้มากขึ้น เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ยานพาหนะทางบกต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่พื้นที่ถนนยังมีเท่าเดิม ดังนั้นถ้าเราสามารถปรับระบบให้เป็นไปตามสถานการณ์ จะทำให้ปัญหาในอดีตกลายเป็นโอกาสนำมาซึ่งรายได้ในท้องถิ่น
พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวว่า เมื่อการท่องเที่ยวเติบโตมากขึ้น ปัญหาใหญ่ๆที่ตามมาได้แก่การจราจรโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่ส่วนใหญ่ประสบปัญหาเรื่องรถติด และอุบัติเหตุ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้ตั้งกฏบังคับใช้กฎหมายกำหนด 10 ข้อหาหลักต้องห้าม ที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการได้แก่ 1. ขับขี่บนทางเท้า 2. ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 3. ข้ามถนนผิดกฎหมาย ไม่หยุดรถให้คนข้าม 4. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 5. ขับรถประมาทหวาดเสียว 6. ขับรถขณะเมาสุรา 7. ไม่สวมหมวกนิรภัย 8. ก่อมลพิษทางเสียง 9. จอดรถในที่ห้าม 10. จองถนนเป็นที่จอดรถ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เป็นต้นไปจะเริ่มปฏิบัติการจับจริงสำหรับคนที่ละเมิดกฎดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมาย
พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ขอความร่วมมือมายังผู้ใช้รถใช้ถนนในการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดปัญหาการจราจรรวมทั้งลดการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนที่สามารถป้องกันได้ โดยการรักษาวินัยในการสัญจรทางถนน รวมถึงเป็นการสร้างภาพลักษณ์ด้านการจราจรที่ดีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นหากพบเห็นพฤติกรรมการขับขี่บนถนนที่อาจก่อความเสี่ยงให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1197 หรือ 191
ที่มา มติชนออนไลน์
updated: 29 ก.พ. 2559 เวลา 15:48:00 น.