เที่ยวเพื่อเศรษฐกิจไทย จากสงกรานต์-เซลฟี่เดย์ ถึงวันเกษียณ | ATTA

ACTIVITY OF MONTH














ATTA > Tourism News > เที่ยวเพื่อเศรษฐกิจไทย จากสงกรานต์-เซลฟี่เดย์ ถึงวันเกษียณ

เที่ยวเพื่อเศรษฐกิจไทย จากสงกรานต์-เซลฟี่เดย์ ถึงวันเกษียณ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับลูกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โชว์แผนสารพัดเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งปี จัดอีเวนต์ 6 เดือนต่อเนื่อง หวังเงินสะพัดเหวี่ยงจีดีพี.โต 3-3.5% ตามเป้ารัฐบาล กอดนักท่องเที่ยว “จีน” ทิ้งไม่ได้จ่ายวันละพันล้าน เตรียม “ท่าไม้ตาย” ว่าด้วยมาตรการภาษี และการลด-แลก-แจก-แถม-ชิงโชค…ดึงคนออกมาเที่ยว-ดื่ม-กิน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายค่าที่พักและค่าอาหารในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 9 วัน ช่วง 9-17 เม.ย. 59 นำมาหักภาษีได้รวมกัน 30,000 บาท/คน ททท.จะทำแผนโปรโมตในโครงการ Flash Sale ร่วมกับสมาคมโรงแรม สมาคมท่องเที่ยวในประเทศ จัดห้องพัก สปา สวนสนุก มาขายในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ใช้เงินเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 9 วันนี้ ทำให้เอกชนยังได้หายใจ และเป็นมาตรการที่ส่งสัญญาณการท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น

หลังจากเทศกาลสงกรานต์ ททท.จะเร่งทำตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพราะการส่งออกก็ยังไม่สามารถกลับมาเป็นหลักได้เหมือนในอดีตภาคการเกษตรก็ประสบปัญหาภัยแล้งสุดท้ายก็ต้องพึ่งภาคการท่องเที่ยวที่มีบทบาทสำคัญจึงกำหนดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย.นี้

ดึงนักเที่ยวใช้เงินเพิ่ม 10%

นายยุทธศักดิ์กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญในการทำตลาด ด้วยการสร้างกระแสให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ชะลอการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ขณะเดียวกันกระตุ้นให้มีการเดินทางภายในประเทศ เพิ่มการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวไทยจาก 2,600 บาทต่อคน/วัน ขยับขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ จาก 2,600 บาท เป็น 2,860 บาท จึงมีการปรับแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น โครงการเที่ยวช่วยไทย แจกทุนเพื่อการท่องเที่ยวทุกเดือน แจกของรางวัลทุกไตรมาส จัดกิจกรรมเพิ่มเติม สร้างเซ็กเมนต์ใหม่ จากปฏิทินกิจกรรมเดิมที่ ททท.มีอยู่แล้ว

“งานที่ ททท.ทำอยู่ปัจจุบัน เช่น วันธรรมดาน่าเที่ยว, Outdoor Festival, Thailand Grand Sale ซึ่งจะจัดในเดือนมิถุนายน ก็จะปรับเป้าหมาย แทนที่จะให้ความสนใจแก่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็ให้ความสนใจนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น ที่จะเติมเข้าไปคือกำหนดธีมในแต่ละเดือนเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย.นี้”

แผน 6 เดือนกระตุ้นโลว์ซีซั่น

เริ่มจากธีมเดือน พ.ค. จะจับกลุ่มเป้าหมายนักเรียน นักศึกษา ครอบครัว เพราะช่วงนั้นเป็นการเที่ยวก่อนเปิดเทอม เดือน มิ.ย.จะเป็นโครงการเที่ยวชวนชิม อาหารถิ่นทั่วไทย เป็นตำรับโบราณ ใช้วัตถุดิบของท้องถิ่น และจะประกาศสุดยอด

อาหารถิ่นไทย 77 จังหวัด เพื่อสร้างกระแสให้คนเดินทางไปกินอาหารถิ่นในพื้นที่ เดือน ก.ค.มีเรื่องงานเกี่ยวกับประเพณีนิยม ตามความเชื่อ เพื่อสร้างกระแสว่าไปเที่ยวและได้บุญ เดือน ส.ค.มีกิจกรรมเดือนสิงหาพาแม่เที่ยว และเป็นเดือนของสุภาพสตรี Lady Month ส่วนเดือน ก.ย.เป็นกิจกรรมเที่ยวไทยก่อนเกษียณ อาจให้คูปองส่วนลดสำหรับข้าราชการเพื่อท่องเที่ยวก่อนเกษียณ

ผู้ว่าการ ททท.กล่าวด้วยว่า สิ่งที่จะทำต่อไปคือเรื่องการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน” ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป มีการจัดหาพรีเซ็นเตอร์ในแต่ละเดือนเพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีแนวความคิดที่จะจัด Thailand Selfie Day เฉพาะวันที่ 1 มิ.ย. ที่เป็นวันที่ 1 เพราะเลข 1 มีคำลงท้ายว่า st จึงแทนคำว่า Selfie for Tourism แต่ในเดือน มิ.ย.นี้ยังมีโครงการแจกทุนเพื่อการท่องเที่ยว รวมถึงจัดโครงการ “เที่ยวชวนชิม อาหารถิ่นทั่วไทย” ก็อาจจะให้ถ่ายเซลฟีกับรูปอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับ Selfie Day

เงินก้นถุงอปท.นำท่องเที่ยวชุมชน

ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยได้แก้ไขหลักเกณฑ์การใช้เงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กุญแจที่จะทำให้สำเร็จได้คือความรวดเร็วในการพัฒนารับนักท่องเที่ยวต่อไป ททท.กระตุกด้าน Demand องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว ก็จะส่งผลดีต่อรายได้ที่จะเกิดขึ้นในท้องถิ่น

ขณะเดียวกันยังมีการส่งเสริมการขาย จัดรายการเที่ยวท้องถิ่นเมืองไทย 10 ชุมชน เช่น บ้านห้วยตองก๊อ จ.แม่ฮ่องสอน, บ้านไร่กองขิง จ.เชียงใหม่, บ้านพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน, โฮมสเตย์บ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี, วิสาหกิจชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ถ้ากิจกรรมตามปฏิทินไม่พอ ก็จะจัดอีเวนต์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมาในแต่ละเดือน เพื่อชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ

รายได้ทั้งปีฉุดจีดีพีตามเป้า 3%

ผู้ว่าการ ททท.มั่นใจว่า กิจกรรมการท่องเที่ยวที่จัดธีมขึ้นมาใหม่ จะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสร้างโมเมนตัมให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับ 3-3.5% ได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ ดูจากแผนการกระตุ้นพิเศษ 6 เดือน และต่อจากนั้นจะเข้าสู่ช่วง High Season อีกครั้งในเดือน ต.ค.-ธ.ค ดังนั้นน่าจะทำให้แรงเหวี่ยงเรื่องการท่องเที่ยวส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย

“สิ่งที่เราพยายามทำคือทำให้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ถ้าเราหลุดเป้าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะตอนนี้หลายฝ่ายปรับลดตัวเลขลง แต่ ททท.ยังมั่นใจว่า การท่องเที่ยวจะเป็นส่วนหนึ่งในกลไกของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เราจึงต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อให้เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งไว้” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

จีนทิ้งไม่ได้ ใช้เงินพันล้าน/วัน

นายยุทธศักดิ์กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนว่า ปัจจุบันมีทัวร์นักท่องเที่ยวจีนวันละ 1 พันกรุ๊ป เฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ถ้ารวมเชียงใหม่ ภูเก็ต อาจจะถึง 1,500 กรุ๊ปต่อวัน เฉลี่ยกรุ๊ปละ 20 คน มีการใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 5,000 บาท รวมตัวเลขทั้งหมด นักท่องเที่ยวใช้จ่ายประมาณวันละ 1,000 ล้านบาท

“ถ้าสมมติปีนี้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง นัยหนึ่งที่อธิบายได้คือ เริ่มมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างไปสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวน้อยลง แต่ใช้จ่ายมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะเห็น ถามว่าเวลานี้เราไม่เอาจีนได้ไหม ไม่ได้หรอก นักท่องเที่ยวจีนหายไป 4 ล้านคน เดือดร้อนเลย แต่เราต้องค่อย ๆ ปรับ เมื่อถึงเวลาหนึ่งเราสามารถเลือกได้”

ท่าไม้ตายใช้มาตรการลดภาษี

นายยุทธศักดิ์กล่าวด้วยว่า หากมาตรการพิเศษที่ออกมาในช่วง 6 เดือนนับจากนี้ไม่ได้ผลตามที่คาดไว้ คงต้องใช้มาตรการกระตุ้นด้วยการลดภาษีซึ่งแนวทางนี้จะเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นจริง ๆ เพราะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ไม่ต้องการให้นำมาตรการภาษีมาใช้บ่อย เพราะจะทำให้ลดประสิทธิภาพลง และผู้บริโภคจะไม่ตื่นตัวและอาจจะชะลอการใช้จ่ายด้วย

อย่างไรก็ตามต้องมีแผนสำรอง เพื่ออัดโปรโมชั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากขึ้นและถี่ขึ้น กระตุ้นต่อมความอยากเที่ยว อัดแคมเปญลด-แลก-แจก-แถม-ชิงโชคเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะในทางเศรษฐศาสตร์ เรื่องท่องเที่ยวเป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นต่ำ ต่อให้ไม่มีเงินถึงเวลาคนอยากไปก็จะไปทันที

updated: 03 เม.ย 2559 เวลา 09:00:24 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1459612542

 

Comments

comments