“เวียนนา” ทำสถิตินักท่องเที่ยวพักค้างคืนสูงสุด 6ปีซ้อน ปี”58 | ATTA

ACTIVITY OF MONTH














ATTA > Tourism News > “เวียนนา” ทำสถิตินักท่องเที่ยวพักค้างคืนสูงสุด 6ปีซ้อน ปี”58

“เวียนนา” ทำสถิตินักท่องเที่ยวพักค้างคืนสูงสุด 6ปีซ้อน ปี”58

นายนอร์เบิร์ท เคทเนอร์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวเวียนนา เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกรุงเวียนนา ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวพักค้างคืนถึง 14.3 ล้าน เพิ่มขึ้น 5.9% จากปี 2557 และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

และในปี 2558 กรุงเวียนนาสามารถทำสถิติใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวพักค้างคืน 14.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.9% จากสถิติเดิมในปี 2557 สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักค้างคืนมีจำนวนทั้งสิ้น 6.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.1% โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2557 ถึงเดือนธันวาคม 2558 ความจุของที่พักแรมในกรุงเวียนนาเพิ่มขึ้น 2,840 เตียง เป็น 64,200 เตียง

ขณะที่อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นแตะ 72% (เทียบกับ 71% ในปี 2557) รายได้จากการขายห้องพักสุทธิโดยภาคธุรกิจบริการต้อนรับ ในระหว่างเดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลักที่ 15.5% สู่ระดับ 665.6 ล้านยูโร หรือประมาณ 82% ของผู้ที่พักค้างคืนในกรุงเวียนนาช่วงปี 2558 นั้นเป็นชาวต่างชาติ

“กลยุทธ์ของเราในการลดการพึ่งพาตลาดรายย่อย และมุ่งเป้าไปที่ตลาดที่มีอนาคตสดใสและมีการเติบโตจำเพาะนั้นประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ งานฉลองครบรอบ 150 ปีถนนวงแหวน Ringstrasse ถือเป็นถนนสู่ความสำเร็จของกรุงเวียนนาอย่างแท้จริงโดยเป้าหมายของเขาในขณะนี้คือการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนเป็น 18 ล้านคนภายในปี 2563” นายนอร์เบิร์ท เคทเนอร์ กล่าว

สำหรับนักท่องเที่ยวจาก 10 ประเทศที่พักค้างคืนสูงสุดในเวียนนาประจำปี 2558 ได้แก่ เยอรมนี ซึ่งนำมาอีกครั้งด้วยจำนวน 2,783,000 (+5%) ตามมาด้วยออสเตรีย (2,617,000, +5%) สหรัฐอเมริกา (843,000, +13%) อิตาลี (750,000, + 8%) สหราชอาณาจักร (588,000, +18%) สเปน (437,000, +13%) สวิตเซอร์แลนด์ (435,000, +9%) รัสเซีย (408,000, -32%) ฝรั่งเศส (371,000, +2%) และญี่ปุ่น (286,000, -4%)

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจากจีนที่เข้าพักค้างคืนในกรุงเวียนนาก็ขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (285,000, +21%) เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาหรับในทวีปเอเชีย (198,000, +48%) เกาหลีใต้ (187,000, +19%) ออสเตรเลีย (164,000, +10%) ตุรกี (148,000, +15%) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (123,000, +45%) และอินเดีย (90,000, +39%)

ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Comments

comments