6 สนามบินคุมเข้มสกัด ‘เมอร์ส’ จัดหลุมจอดแอร์ไลน์กลุ่มเสี่ยง | ATTA

ACTIVITY OF MONTH














ATTA > Tourism News > 6 สนามบินคุมเข้มสกัด ‘เมอร์ส’ จัดหลุมจอดแอร์ไลน์กลุ่มเสี่ยง

6 สนามบินคุมเข้มสกัด ‘เมอร์ส’ จัดหลุมจอดแอร์ไลน์กลุ่มเสี่ยง

ทอท. เพิ่มมาตรการป้องกันโรคเมอร์ส ในสนามบินทั้ง 6 แห่ง หลังพบผู้ป่วยจากโอมาน สนามบินสุวรรณภูมิ จัดหลุมจอดบริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน E และG ให้กับสายการบินที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทั้งติดตั้งเครื่องเทอร์โม สแกนเนอร์ พร้อมประสานเอโอซี แจ้งแอร์ไลน์เฝ้าระวังผู้โดยสาร

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท.กล่าวว่า ขณะนี้ทอท.ได้เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส ในท่าอากาศยานของทอท.ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีจำนวนเที่ยวบินที่มาจากประเทศในตะวันออกกลางมากที่สุด ได้จัดหลุมจอดบริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน E และ G ให้กับสายการบินที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งสนับสนุนด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศด้านการติดตั้งเครื่อง Thermo Scanner บริเวณดังกล่าว และเพิ่มเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการของผู้โดยสารโดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศตะวันออกกลาง

นอกจากนั้น ยังร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศในการประสานสายการบินและคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) ให้ประกาศข้อคำเตือนด้านสุขภาพในเที่ยวบินที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง การแจก Health Beware Card ให้กับผู้โดยสาร และขอความร่วมมือสายการบินในการดูแลและเฝ้าระวังผู้โดยสาร

สำหรับท่าอากาศยานอีก 5 แห่ง ได้ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิ (Hand Held Thermo Scanner) ประมาณ 1 – 2 เครื่องในการคัดกรองผู้โดยสารกลุ่มเสี่ยง ในส่วนมาตรการอื่นๆ ทอท.ได้สนับสนุนการดูแลสุขอนามัยของผู้โดยสาร โดยการวางเจลล้างมือในจุดที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก เช่น จุดกรอกเอกสาร จุดประชาสัมพันธ์ จุดจอดรถแท็กซี่รับผู้โดยสาร เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น รถเข็นสัมภาระ ราวบันไดทางเลื่อน เป็นต้น

อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขได้พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส รายที่ 2 ซึ่งเป็นชายชาวโอมานที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและได้มีการส่งตัวไปรักษาในห้องแยกโรคที่สถาบันบำราศนราดูรแล้ว เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  วันที่ 28 – 30 มกราคม พ.ศ. 2559

Comments

comments